วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ที่มีปัญหาตู้เย็นเก่าชอบกินไฟ ทำให้ค่าไฟในแต่ละเดือน มีร า ค าแพง แต่วันนี้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะเราจะพาเพื่อนๆไปเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหานี้กับบทความ 4 วิ ธีแก้ปัญหาตู้เย็นเก่า กินไฟ ทำได้เองไม่ต้องง้อช่าง ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้ตู้เย็นที่บ้านของคุณไม่กินไฟอีกต่อไป
ตู้เย็นเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานของตัวเอง ซึ่งเมื่อใช้งานผ่ า นเวลาไปนานๆ ก็มักจะมีอาการดื้อ อ ย่ า งเช่น กินไฟมากกว่าปกติ หรือรั ก ษ าอุณหภูมิในช่องเย็นได้ไม่ดีเหมือนแ ร กๆ ที่เพิ่งซื้ อมา สาเหตุหลักๆ ส่วนใหญ่มาจากการรั่วซึมของขอบย า งตู้เย็นที่มักจะเสื่อมอายุการใช้งานเร็วกว่าส่วนอื่นๆ ของตู้เย็น แต่ทั้งนี้สามารถแก้ไขและทดสอบอ ย่ า งเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองว่า ตู้เย็นที่ใช้งานอยู่นั้น ยังมีประสิทธิภาพการทำงานดีเหมือนเดิมหรือไม่ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเรียกช่าง มีดังนี้
โดยเราจะใช้ กระดาษ A4 ธรรมดาเป็นอุปกรณ์ในการทดสอบ
เริ่มจาก เปิดตู้เย็น แล้วสอ ดกระดาษไว้ในตู้เย็นครึ่งแผ่นจากนั้นให้ ปิดตู้เย็นให้สนิทแล้วค่อยดึงกระดาษ A4 ที่สอ ดไว้ในตู้เย็นออ ก หากดึงออ กได้ย า ก หมายถึง ขอบย า งตู้เย็นยังคงมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีอยู่ แต่ถ้าหากดึงออ กได้ง่าย ให้สันนิษฐานทันทีว่าขอบย า งเริ่มเสื่อมอายุการใช้งาน ทำให้เก็บความเย็นไม่ได้ และอาจกล า ยเป็นสาเหตุของไฟรั่ว ซึ่งจะทำให้ตู้เย็นกินไฟเพิ่มขึ้นอย่ างมากนั่นเอง
วิธีแก้ปัญหาขอบ ย า ง เ สื่ อ ม
1 ใช้ไดร์เป่าผมเป่าลมร้อนออ กมาบริเวณ ข อ บ ย า งตู้เย็น เพราะลมร้อนจะช่วยทำให้ย า งขย า ยตัวนั่นเอง
2 ถอ ดขอบย า งตู้เย็นออ กแล้วใช้น้ำร้อนราดลงไปที่ขอบย า ง ความร้อนจะทำให้ย า งข ย า ยตัวและนำไปใส่ใหม่อีกครั้ง จะทำให้ช่องว่างของตู้เย็นนั้นห า ยไป
3 เปลี่ยนขอบย า งตู้เย็น เป็นวิธีที่ง่ายและไม่แพง โดยร า ค าขอบย า งตู้เย็นนั้น มีตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักร้อย ขึ้นอยู่กับรุ่นของตู้เย็น และตู้เย็นแต่ละยี่ห้อด้วย
4 ยกขาตั้งด้านหน้า ตู้เย็นให้สูงกว่าด้านหลัง เพราะจะช่วยให้ประตูตู้เย็นปิดสนิทและแน่น ม ากยิ่งขึ้นด้วย อาจหาสิ่งของที่ไม่เป็นอันตรายมารองที่ขาตู้เย็นด้านล่างก็ได้ โดยก ฎของแรงโน้มถ่วงจะมีส่วนช่วยอีกทางนั่นเอง
การแก้ปัญหาสำหรับตู้เย็นที่ใช้งาน มานานแบบเบื้องต้น เหล่านี้สามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเอง แต่ทั้งนี้หากแก้ไขแล้วตู้เย็นยังคงกินไฟ และรั ก ษ าอุณหภูมิไม่ได้ ก็อาจจะต้องเรียกช่างเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้งอ ย่ า งละเอียดจะดีกว่า
ที่มา krustory
